Islam

ศรัทธาเท่าเทียม

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติพิสูจน์มาโดยตลอดว่ามนุษย์ไม่ใช่ผู้ยืนอยู่บนยอดสูงสุดแห่งความรู้ ความรู้ของเราค่อย ๆ สั่งสมและเติบโตตามกาลเวลา สิ่งที่มนุษย์เข้าใจในปัจจุบันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริงทั้งหมด ตลอดอดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดก็ยังคงมีคำถามที่ไร้คำตอบ นี่คือขอบเขตของความรู้ที่ทุกคนยอมรับว่ามีจำกัด

แม้แต่ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกยกย่องว่าฉลาดและเรียนรู้ได้รวดเร็วที่สุดในยุคนี้ ก็ยังไม่ใช่เวอร์ชันที่สมบูรณ์ที่สุด อีกไม่นานมันจะฉลาดกว่านี้หลายเท่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจรับประกันได้ว่ามันจะรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง แม้จะมีคลังข้อมูลจำนวนมหาศาลเพียงใดก็ตาม

ในอิสลาม เราเรียกผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและสิ่งเร้นลับว่า “ผู้ศรัทธา” ไม่ใช่ “ผู้รู้” เพราะความเชื่อนี้ไม่ตั้งอยู่บนการพิสูจน์เชิงวิชาการ แต่ตั้งอยู่บนศรัทธาว่าพระเจ้ามีจริง

การศรัทธาคือการยอมรับพื้นที่กว้างใหญ่ของความไม่รู้ สิ่งที่เรายังไม่เห็นหรือพิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ยืนยันประเด็นนี้อย่างชัดเจน มนุษย์เคยเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล จนกระทั่งค้นพบการโคจรของดวงดาว ไม่เคยรู้ว่ามีอะตอมหรือโมเลกุล จนกระทั่งวิทยาศาสตร์เปิดเผยให้เห็น แม้กระทั่งวันนี้ เราก็ยังคงค้นพบสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

Photo by NASA on Unsplash

ความรู้ที่ดูเหมือนไม่มีขอบเขตนี้เองที่สะท้อนว่า มนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาที่สุด สิ่งที่เรารู้ช่างน้อยนิดนัก แม้แต่ร่างกายของเราเองก็ยังไม่มีแพทย์คนใดสามารถเข้าใจทุกกลไกของมันได้อย่างครบถ้วน

ความเมตตาและความยุติธรรมของพระเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่กับผู้ที่มีความรู้มากเท่านั้น มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใด ไม่ว่าจะเข้าใจจักรวาลลึกซึ้งเพียงใด ต่างมีโอกาสเป็นผู้ศรัทธาได้ทั้งสิ้น คนในอดีตที่ไม่รู้เรื่องระบบสุริยะก็มีสิทธิ์เข้าสวรรค์เท่า ๆ กับคนในอนาคตที่อาจมีความรู้ยิ่งใหญ่กว่ามาก ในทางกลับกัน ผู้ที่มีความรู้มากมายก็อาจตกนรกได้ หากความรู้นั้นไม่ได้นำไปสู่ศรัทธา

อิสลามสอนเรื่องศรัทธาในสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ และยืนยันว่าสิ่งเหล่านั้นมีจริงแน่นอน ไม่ว่ามนุษย์จะสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ก็ตาม

ดังนั้น การเป็นผู้ศรัทธาจึงเป็นการวางหัวใจให้อยู่นำหน้าความรู้ของเรา เป็นการยืนรออยู่ ณ จุดที่วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึง แม้ปัญญาประดิษฐ์หรือสมองอันหลักแหลมของนักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่การมีอยู่ของระบบที่สอดประสานทั้งในตัวเราและในจักรวาลก็คือเบาะแสสำคัญที่ทำให้เรามั่นใจว่าผู้ทรงสร้างนั้นมีจริง และความจริงนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลย

2 Comments on “ศรัทธาเท่าเทียม

  1. -1. ควรเกริ่นถึงปัญญาประดิษฐ์ให้มากกว่านี้
    -2. แก่นของเรื่องดูลอยๆ ไม่รู้ว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไร ปัญญาประดิษฐ์ไม่รู้จักศรัทธา ? หรือต้องการสื่อว่ามนุษย์ประเสริฐกว่าปัญญาประดิษฐ์เพราะรู้จักศรัทธา
    หรือต้องการสื่อว่ามนุษย์ในอดีตกับปัจจุบันมีความเหมือนกันคือมีศรัทธา
    -3. หาแก่นของเรื่องให้ได้ก่อนว่าเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไรเป็นหลักในข้อสองที่กล่าวไป
    -4.บทสรุป ผู้เขียนน่าจะสื่อถึงศรัทธาของมนุษย์ที่มากกว่าปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้นจึงควรขยายความบทความให้ยาวกว่านี้ อาจจะยกตัวอย่างความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ก็ได้ แล้วยกตัวอย่างความฉลาดหรืออะไรต่างๆ ของมนุษย์ในยุคซอฮาบะฮ์ที่น่าทึ่งกว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือยกตัวอย่างความฉลาดในการนับถือศาสนาอิสลามของคนยุคนี้ที่แม้จะมีเทคโนโลยีมากมายแต่ทำไมยังคงรักษาศรัทธาไว้ได้
    คอมเม้นต์เพื่อให้ผู้เขียนสามารถเขียนบทความที่ดีกว่านี้ ขออภัยหากเป็นการคอมเมนต์ที่ไม่สุภาพ

Leave a Reply to AnonymousCancel reply