บางครั้งฆาตกรก็มาในรูปแบบของคนเมาที่ตัดสินใจจับพวงมาลัย
ประเทศไทยคือประเทศที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าถึงง่ายยิ่งกว่าบริการทางการแพทย์ ในขณะที่คนบางกลุ่มพยายามผลักดันให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่เหล้าที่ผิดศีล 5 อย่างชัดเจนกลับมีขายกันดาษดื่นและเป็นส่วนหนึ่งของทุกวาระชีวิตและทุกเทศกาลอย่างแยกกันไม่ออก ปัญหาสำคัญอย่าง “เมาแล้วขับ” จึงคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ทุก ๆ ปีอย่างไม่หยุดหย่อน
ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งที่เห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์แม้แต่น้อยต้องสังเวยชีวิตเพราะมัน ทำให้ผมไม่อาจทนดูข่าวการสูญเสียจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับได้อีกต่อไป ผมอยากตั้งคำถามแก่สังคมว่า: “ทำไมเราถึงปล่อยให้คนเมายังมีสิทธิ์ขับรถบนท้องถนนอีก?”
ทุก ๆ ปีมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุเมาแล้วขับนับหมื่นราย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจหลายแสนล้าน แต่บทลงโทษทางกฎหมายกลับบางเบาราวกับอุบัติเหตุเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันคืออาชญากรรมทางจิตสำนึกที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง
เมาแล้วขับ: ไม่ใช่แค่ความประมาท แต่คือความเห็นแก่ตัว
คนจำนวนมากยังคงเชื่อว่า “แค่ดื่มนิดหน่อย ไม่เป็นไร” หรือ “ฉันยังขับไหว” แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะ การที่ใครคนหนึ่งเลือกที่จะดื่มจนควบคุมตัวเองไม่ได้ และยังตัดสินใจขึ้นขับรถ นั่นไม่ใช่แค่ความประมาท แต่มันคือการตั้งใจเพิกเฉยต่อชีวิตของคนอื่น
คนจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ตนเองไม่ได้ก่อ เพียงเพราะอยู่ผิดที่ผิดเวลา และมี “คนเมา” อยู่หลังพวงมาลัย
ทำไมเราถึงยังโกรธไม่พอ?
เรามักโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเวลามีคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ แต่กับฆาตกรที่ฆ่าคนจากการเมาแล้วขับ เรากลับใช้คำว่า “อุบัติเหตุ” เพื่อปกปิดความจริง เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ควรถูกเรียกว่าอุบัติเหตุอีกต่อไป — เพราะมันเกิดจากการตัดสินใจอย่างมีสติในตอนที่ “เลือกจะดื่ม”
สังคมควรเลิกมองว่า “เมาแล้วขับ” เป็นเรื่องเล็กหรือเป็นเพียงความพลาดพลั้งได้แล้ว เพราะคนที่เสียชีวิตไม่มีโอกาสร่ำลาและไม่มีโอกาสแก้ไขอะไรอีกเลย
ถึงผู้ที่ยังดื่มแล้วขับ
ถ้าคุณยังคงเชื่อว่า “มันไม่ร้ายแรง” ขอให้ย้อนกลับไปดูคนจริง ๆ เบื้องหลังสถิติของผู้เสียชีวิตเหล่านั้น พวกเขาคือพ่อแม่ของใครบางคน คือลูกของใครสักคน คือเพื่อน คนรัก หรือคนดีคนหนึ่งที่ชีวิตต้องดับลงเพราะความประมาทของคุณ
ถ้าคุณยังไม่เลิกดื่ม อย่างน้อยก็ควรเลิกขับรถในวันที่คุณดื่ม — ทุกกรณี
อย่ารอให้คุณต้องสูญเสียคนที่คุณรักเสียก่อน จึงจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กชายที่ร้องไห้ต่อหน้าศพพ่อแม่และพี่สาวที่โดนชนจากคนเมา หรือความรู้สึกของแม่ที่ต้องนั่งดูแลลูกสาวคนเดียวที่นอนพิการตลอดชีวิต
ถึงเวลายกระดับมาตรการและความคิดของทั้งสังคม
บทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดควรจะรุนแรงกว่านี้ ไม่ใช่แค่ปรับเงิน หรือจำคุกไม่กี่เดือน แต่ควรมีการเพิกถอนใบขับขี่ ห้ามครอบครองยานพาหนะ ห้ามซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามประกอบอาชีพราชการอย่างถาวร และหากทำความผิดซ้ำจนมีผู้เสียชีวิตจากการเมาและขับอีก ก็ควรถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหารตามกฎหมาย
หากเราปล่อยให้คนเมายังมีสิทธิ์ขับรถออกไปฆ่าคนบริสุทธิ์ โดยที่เราแค่ “ทำใจ” และยอมรับมันเป็นเรื่องธรรมดา แสดงว่าสังคมเรามีปัญหาใหญ่แล้ว
อย่าให้การสูญเสียเป็นเรื่องที่ชินชา ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรมและเปลี่ยนสังคมไปด้วยกัน
เพราะถนนไม่ควรเป็นที่ตายของคนบริสุทธิ์ เพียงเพราะใครบางคน…ยังคิดว่า ‘แค่เมา’ ไม่เป็นไร
มันมีเรื่องของการบังคับกฎหมายที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง เมาแล้วขับอาจมีข้อกฎหมายอะไรมากมายในการลงโทษ หรือมีการชดเชย ยอมความกับคู่กรณีทำให้เรื่องเงียบ ทำให้เมาแล้วขับดำเนินต่อไป ;จริงๆ ก็แทบทุกเรื่องที่กฎหมายไม่สามารถใช้ได้จริงในประเทศไทย