Islam - Note

ดั่งนาวาเทียบท่า

คงจะไม่กินกับปัญญาเท่าไหร่นัก หากนักเดินทางคนหนึ่งบอกว่าเป้าหมายของเขานั้นยังอยู่อีกไกล แต่ตัวเขาเองนั้นกลับง่วนอยู่กับการสร้างบ้านหลังใหญ่โตระหว่างพักแรมข้างทาง เราคงจะคิดว่าเขาคงลืมเป้าหมายไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่ได้มีเป้าหมายตั้งแต่แรก สิ่งที่พูดคงเป็นเพียงขนนกบนตราชั่งแห่งความจริงเท่านั้น

มุสลิมหรือผู้ที่นอบน้อมยอมจำนนต่อพระเจ้าย่อมรู้ดีว่าเป้าหมายของเขานั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้ ชีวิตของเขาเป็นการเดินทางอย่างหนึ่ง และโลกนี้ก็เป็นเพียงที่จอดแวะเพียงครู่เดียวเท่านั้น วิสัยทัศน์เช่นนี้ย่อมทำให้ชีวิตของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ในขณะที่คนอื่น ๆ เร่งเก็บเกี่ยวทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสร้างสถานพำนักสุดท้ายที่สุขสบายบนโลกนี้ มุสลิมจะมองหาแต่สิ่งจำเป็นเพื่อเดินทางต่อไป สายตาและหัวใจของเขาจับจ้องอยู่ที่สวนสวรรค์ อะไรก็ตามที่เบี่ยงเบนเขาออกไปจากเส้นทางนี้ ย่อมไม่มีความหมาย

ความแตกต่างในเรื่องเป้าหมายนี้เองที่ทำให้ความสุขของผู้ศรัทธาและคนทั่วไปมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน สิ่งที่ทำให้ผู้ศรัทธามีความสุข คือการได้มีชีวิตอิสระจากพันธนาการแห่งโลกนี้เพื่อที่จะได้อุทิศตนให้กับเป้าหมายในโลกหน้า ในขณะที่ความสุขของคนทั่วไปนั้นคือการมีอิสระจากพันธานาการแห่งโลกหน้าเพื่อที่จะได้อุทิศตนให้กับเป้าหมายในโลกนี้ ดังนั้นการเคารพภักดีต่อพระเจ้า การถือศีลอด การละทิ้งสิ่งมึนเมา ความบันเทิงและอบายมุขจึงเป็นความทุกข์สาหัสสำหรับคนทั่วไป ในขณะที่สิ่งเดียวกันนี้กลับเป็นความสุขสงบสำหรับผู้ศรัทธา 

เมื่อเราตั้งมั่นอยู่กับเป้าหมายแล้ว ในทุก ๆ ห้วงแห่งการใช้ชีวิต เราควรคิดเสมอว่าโลกใบนี้เปรียบดั่งท่าเรือให้เราแวะเติมเชื้อเพลิง เก็บเกี่ยวเสบียงเพื่อเดินทางต่อไปสู่เป้าหมายเท่านั้น และเสบียงเดียวที่มีค่าก็คือ “ความดี” ทุก ๆ อย่างนอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเกียรติยศ บุตรหลานเงินทอง อำนาจบารมี ก็ไม่มีค่าใด ๆ หากปราศจากความดีอยู่ในนั้น ด้วยทัศนคติเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดนักหากเราจะหมกมุ่นกับกิจการบนโลกนี้จนหลงลืมเป้าหมายที่แท้จริง และเป็นเรื่องที่โง่เขลาเพียงใดหากยอมกระทำแม้แต่ความผิดเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมาครอบครอง 

มีเรื่องราวหนึ่งที่จะฝากทิ้งท้ายเป็นข้อย้ำเตือนแก่เราเกี่ยวกับการใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ เป็นเรื่องราวของสหายของท่านนบีมูฮัมหมัด (ขอความศานติและความจำเริญจงมีแด่ท่าน)

ครั้งหนึ่งท่านซะอด์ได้ไปเยี่ยมอาการป่วยของท่านซัลมาน อัลฟารีซี ซึ่งอยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต และได้พบว่าท่านซัลมานกำลังร้องไห้อยู่ ท่านซะอด์จึงได้ถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดท่านจึงร้องไห้อยู่?

ท่านซัลมานตอบว่า “สิ่งที่ทำให้ฉันร้องไห้ เพราะคิดถึงคำกล่าวของสหายของฉัน (คือท่านนบี) ที่ให้คำแนะนำแก่ฉันข้อหนึ่งว่า ‘จงให้การมีชีวิตอยู่ของท่านบนโลกใบนี้เสมือนเรือที่จอดเทียบท่าเพื่อรับเสบียง’ และฉันกลัวเหลือเกินว่า ที่ผ่านมานั้น ฉันได้กระทำเกินเลยไปจากคำสอนนี้”1


1 สุนันอิบนุมาญะฮ์ 4104

One comment on “ดั่งนาวาเทียบท่า

  1. อ่านแล้วก็ได้คิด เป็นเรื่องที่บางทีเราเองก็ลืมตระหนัก แต่บางทีเรื่องราวในดุนยาก็ทำให้หลงลืมเป้าหมายของการเกิดมา และการมีชีวิตอยู่
    ขอบคุณที่เตือนสติในบทความนี้

คิดเห็นอย่างไร บอกเราที่นี่นะ