แม้แต่ประสบการณ์ที่น่าเบื่อที่สุดก็มีคุณค่าได้ หากคุณมองหาบทเรียนในนั้นอย่างจริงจัง
หลังจากที่ได้ทำภารกิจพิชิต comfort zone โดยการเดินถอยหลังในที่สาธารณะ ก็ห่างหายจากการทำภารกิจต่อไปพอสมควร จึงใช้เวลาที่งานไม่ค่อยรัดตัวมากนักมาทำภารกิจต่อไปนั่นก็คือ “การฟังพอดแคสต์”
หากเป็นการฟังพอดแคสต์ปกติ ก็คงไม่ใช่สิ่งท้าทายอะไร เพราะปกติผมจะฟังพอดแคสต์ระหว่างเดินออกกำลังกายอยู่แล้ว ครั้งนี้จึงต้องเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้น นั่นก็คือการฟังพอดแคสต์ในหัวข้อที่เราไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการหาพอดแคสต์ที่เราไม่คิดจะฟังนี่แหละ เพราะในณะที่มองหาพอดแคสต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร การเมือง ภาษา ธุรกิจ ประวัติศาสตร์ ผี มันก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรที่เราอยากจะรู้อยู่ จนกระทั่งไปเจอหมวดศาสนา
“มันต้องเป็นหมวดหมู่นี้แหละ” ผมคิด เพราะพักหลังนี้แม้แต่การบรรยายศาสนาอิสลามผมก็แทบไม่ได้ฟัง เรื่องไหนที่พอสนใจอยู่บ้างก็จะหาอ่านจากหนังสือมากกว่า แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยคิดจะฟังหรืออ่านจากหนังสือเลยนั่นก็คือคำสอนเกี่ยวกับศาสนาพุทธ ยิ่งช่วงนี้ที่มีข่าวเสื่อมเสียระหว่างพระกับสีกาก็ยิ่งลังเลว่าควรฟังดีไหม เพราะแม้แต่พระที่ทำหน้าที่พร่ำสอนชาวบ้านก็ยังล้มเหลวภาคปฏิบัติในระดับที่น่าตกใจ ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะท้ายตัวเองด้วยการฟังบรรยายเรื่อง “อ่านจิตตัวเอง” ของหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
เนื้อหาของการบรรยายเป็นเรื่องของการมีสติรู้ตัวตลอดเวลา พระท่านเปรียบการ “อ่านจิต” เหมือนกับการอ่านหนังสือที่ใคร ๆ ก็ทำได้ มันง่ายเพราะอาศัยแค่ทักษะการอ่านเท่านั้น ไม่ต้องใช้ทักษะการปรุงแต่งอะไรเลย หน้าที่ของเราก็แค่อ่าน ไม่ใช่เขียน จิตของเราเป็นอย่างไร ก็แค่รับรู้ไปตามนั้น นี่คือหลักของการมีสติรู้ตัว รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่และรู้สึกอย่างไรในทุกขณะ ผมชอบคำที่ใช้เรียกจิตลักษณะนี้ว่า “จิตของผู้รู้” พระท่านบอกว่า ผู้รู้คือผู้ที่รู้จิตใจตนเอง เมื่อรู้ใจตนเองก็ย่อมมองเห็นกิเลสที่อยู่ข้างใน เมื่อมองเห็นกิเลสก็ย่อมรู้เท่าทันมัน เมื่อรู้ทันเท่าทัน กิเลสก็ไม่อาจครอบงำจิตใจของเราได้
พอฟังจบแล้วก็น่าคิดอยู่ว่า การที่คนเราหรือแม้แต่พระยังคงหลงมัวเมาในกิเลศตัณหา อาจเป็นเพราะไม่ค่อยหมั่นสำรวจเข้าไปในจิตแห่งตนหรือเปล่า จึงใช้ชีวิตตามแต่สิ่งยั่วยุภายนอกจะพาไป
ในฐานะมุสลิม หลาย ๆ ครั้งที่เราไม่มีสติรู้ตัวในช่วงเวลาที่ควรมีสติรู้ตัวที่สุด นั่นก็คือช่วงเวลาละหมาด จิตใจของเราถูกดึงดูดไปหาสิ่งใดก็ตามที่ไม่ใช่การเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า จิตของเราอยู่กับงานที่ค้างคา อยู่กับอาหารที่กำลังจะกิน อยู่กับคนรักที่เพิ่งจากมา หรือแม้แต่อยู่กับศัตรูที่กำลังโต้เถียง
ด้วยเหตุนี้ การละหมาดที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า “…แท้จริงการละหมาดนั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่ว…” จึงไม่มีประสิทธิผลสำหรับเรา เพราะจิตของเราไม่ได้ตั้งมั่นอยู่กับการละหมาด เราเอาแต่ตัวไปยืมก้มกราบ เราภักดีแค่เปลือกนอก แต่จิตใจเราไม่ได้สวามิภักดิ์ไปด้วย
การเป็นมุสลิมเช่นนั้นคงไม่ต่างกับพระที่มั่วสีกา คำสอนทางศาสนาเป็นเพียงสีที่ไว้ฉาบทาภายนอกให้ดูดีเท่านั้น แต่ไม่เคยซึมลึกลงไปข้างในหัวใจ
👏👏👏
รอดูภารกิจพิชิต Comfort zone ภารกิจต่อไปนะ 🙂